๓.  หมอหมากับหมอคนต่างกันที่ตรงไหน

        มีบุคคลอยู่ ๓ ประเภทที่ผมพยายามอยู่ห่างๆ คือ

                ๑.  ตำรวจ

                ๒.  เจ้าหน้าที่ที่อำเภอ

                ๓.  หมอ

        สองประเภทแรกนั้น ต้องยอมรับว่ามีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาไปมากพอสมควร  อย่างตำรวจแถวหน้าตลาดบางกะปิใกล้ๆกับที่ผมอยู่นี้   ต้องชมว่าทำงานได้คุณภาพตามมาตรฐาน  ISO-9000 จริงๆ   วันก่อนผมโดนเรียกให้หยุดรถ  เพราะไปเบียดช่องทางจราจร   เลยรีบเปิดกระจกรถลงมาไหว้ด้วยความนอบน้อม  ๑ ที พร้อมกับเริ่มต้นเจรจา

        "พี่ๆ  พอจะช่วยกันหน่อยได้ไหมครับ   ผมจะรีบไปธุระ"

         ตำรวจผู้นั้นตอบด้วยความสุภาพว่า

        "ไม้ช้าหรอกครับ  ไม่เกิน ๑ นาทีเสร็จ"

        ว่าแล้วก็เริ่มเขียนใบสั่ง   กรอกข้อมูลต่างๆลงไป   แล้วฉีกส่งให้ผมภายในเวลา ๑ นาทีจริงๆ

        "เรียบร้อยแล้วครับ เชิญไปได้"

        วันนั้น ผมเลยต้องใช้ใบสั่งแทนใบขับขี่ไปครึ่งวัน หลังจากเสร็จธุระแล้ว  ผมรีบตรงมาที่โรงพัก จ่ายค่าปรับเต็มอัตรา ๔๐๐ บาทเสร็จแล้ว   นึกว่าจะได้ใบขับขี่คืน   แต่ที่ไหนได้ นอกจากจะโดนหัก ๑๐ คะแนนแล้ว   ยังต้องโนยึดใบขับขี่เป็นเวลา ๑๕ วัน

        ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ผมได้เรียนรู้ว่า จะขับรถให้ถูกต้องตามกฎจราจรจะต้องทำอย่างไร

        เจ้าหน้าที่ที่อำเภอก็เช่นเดียวกัน เดี๋ยวนี้พูดจาอัธยาศัยดี   มีจิตใจบริการ และมีขั้นตอนการทำงานที่ชัดเจน สามารถบอกได้ว่างานจะเสร็จภายในเมื่อไหร่   ไม่ปล่อยให้เราเฝ้ารอ แถมบางทียังมีการเก็บข้อมูลความพอใจของลูกค้าที่ไปใช้บริการอีกด้วย   น่าสรรเสริญจริงๆ

        แต่ประเภทที่ไม่ค่อยจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง  ต้องยกให้คุณหมอทั้งหลาย  โดยเฉพาะหมอดังๆ     เราเจ็บป่วยไม่สบายก็เครียดอยู่แล้ว  มาเจอคุณหมอหน้าตาดุๆ (เหมือนบางแก้ว)  ก็ยิ่งเครียดใหญ่  อย่างปีที่แล้ว พาลูกสาวไปตรวจร่างกายที่ศิริราช  คุณหมอบอกว่าเป็นโรคกระดูกสันหลังคด  ( Scoliosis ) ต้องผ่าหลังเอาเหล็กยาวเข้าไปดามกระดูกให้ตรง  แค่ได้ฟังเราก็เสียววูบที่กระดูกสันหลังและเป็นห่วงแทนลูกสาวแล้ว  เพราะบริเวณนั้นมีเส้นประสาทเต็มไปหมด  จะมั่นใจได้อย่างไรว่าปลอดภัย  จึงพยายามซักถามคุณหมอเพื่อขอความมั่นใจ   คุณหมอเองก็คงรำคาญ  เลยพูดแบบถามคำตอบคำ

ท้ายที่สุด  ผมไม่มีทางเลือกมากนัก  เลยต้องฝากชีวิตลูกสาวไว้กับคุณหมอ  การผ่าตัดใช้เวลากว่า 7 ชั่วโมงแล้วต้องไปอยู่ในห้องไอซียู 1 คืน  ทุกอย่างจบลงด้วยดี  ลูกสาวผมสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ภายในเวลา 1 อาทิตย์  และหลังจากนอนพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 1 เดือน  ก็สามารถเดินได้เป็นปกติ

        ผมคิดว่าคงต้องยอมยกให้อาชีพหมอสักอาชีพหนึ่ง  เพราะหมอคงเครียดกับงานจนไม่มีเวลาจะมาใส่ใจกับคนไข้หรือพ่อแม่ของคนไข้มากนัก    ปกติคนไข้ของคุณหมอผู้นี้ก็มากอยู่แล้ว   จะมารอคิวตั้งแต่เช้าจนล้นห้อง  บ่อยครั้งที่คุณหมอไม่มีเวลาพักทานอาหารกลางวัน   แต่คุณหมอก็ขยันมาเยี่ยมคนไข้แต่เช้า  และพยายามถ่ายทอดความรู้แก่นักศึกษาแพทย์ที่มาร่วมฟังการวินิจฉัยโรค   ผมมารู้สึกชื่นชมคุณหมอผู้นี้ในภายหลังว่า  ถึงแม้ท่านจะพูดน้อย  แต่ก็เป็นคนจริงจังและมีความรับผิดชอบสูง    ถ้าลูกใครหลานใครมีอาการกระดูกสันหลังคด   ควรรีบพามาให้คุณหมอดูโดยไว   ก่อนที่จะทรุดหนักลงไปกว่านี้  โรคนี้จะเป็นมากในเด็กผู้หญิงที่กำลังโตเป็นสาว    ฟังมาว่า เด็ก 100 คน จะเป็นโรคนี้ประมาณ 3 คน  สามารถตรวจดูอาการได้โดยให้เด็กก้มตัวเอาปลายนิ้วมือทั้งสองข้างเหยียดตรงไปที่เท้า   แล้วสังเกตแผ่นหลังดูว่ามีอาการสูงต่ำไม่เท่ากันหรือไม่    ในรายที่เป็นมาก  จะมีลักษณะเป็นโหนกนูนขึ้นมาบนข้างใดข้างหนึ่งของแผ่นหลังอย่างชัดเจน    ต้องรีบพาไปให้หมอตรวจรักษานะครับ

ที่เล่าเรื่องหมอคนมาเสียยืดยาว ไม่ใช่ต้องการโฆษณาอะไรหรอกนะครับ เพียงแต่ต้องการนำมาเปรียบเทียบกับหมอหมาว่าต่างกันที่ตรงไหน

        หลังจากที่เจ้าปิงปอง (ชื่อใหม่ของเจ้ามอมที่อาม่าตั้งให้) มาอยู่ที่บ้านได้ ๑ เดือน ก็ครบกำหนด ๓ เดือนที่จะต้องพาลูกสุนัขไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ รวมทั้งทำการถ่ายพยาธิด้วย   ผมได้หารือกับแฟนว่าจะลองหาคลีนิคสุนัขที่ใหม่ดู   เพราะคลีนิคเดิมที่เคยพาเจ้าโบไปฉีดวัคซีนและผ่าตัดทำหมันนั้น  ดูท่าทางไม่ค่อยจะเป็นคนรักหมาเลย   ไม่เคยเห็นหมอพูดกับหมาสักคำ อย่างน้อยก็ควรทักทายตรวจสอบสภาพร่างกายโดยทั่วไปบ้าง   ไม่ใช่ไปถึงก็จับฉีดยาผ่าตัดโดยไม่พูดพล่ำทำเพลง  สุนัขคงจะไม่ชอบหมอด้วย หันกลับมากัดมือหมอเบาๆ   แต่ก็ต้องหลับไปด้วยฤทธิ์ยาสลบ  หลังจากที่เจ้าโบผ่าตัดทำหมันกลับมาแล้ว  มันแทะไหมที่หมอเย็บแผลออก   มองเห็นท้องไส้ภายในน่าหวาดเสียว   ต้องพากลับไปให้หมอช่วยดูใหม่  หมอเลยฉีดยาแก้อักเสบให้   แล้วคิดค่ายาเพิ่มอีกหลายร้อย    ทั้งๆที่น่าจะเป็นความรับผิดชอบของหมอในการเย็บและปิดปากแผลให้แน่นหนากว่านี้

        คลีนิคสุนัขแห่งใหม่ที่พาเจ้าปิงปองไปนั้น ดูท่าจะเพิ่งเปิดใหม่ เพราะยังไม่มีคนไข้มากนัก เจ้าหน้าที่ของคลีนิคต้องโทรตามให้คุณหมอมา  เสียเวลารอไปพักใหญ่   เมื่อคุณหมอมาถึงก็จัดการฉีดวัคซีนให้กับเจ้าปิงปองโดยไม่พูดพล่ำทำเพลงอีกเช่นกัน   เจ้าปิงปองตกใจจะแว้งมากัดเอา ผมต้องช่วยจับตัวมันไว้  มีความรู้สึกว่าคุณหมอนี่จะไม่ค่อยรู้เรื่องสุนัขเอาเสียเลย  ถามคำตอบคำ   ไม่คุ้มกับการไปนั่งรออยู่ตั้งพักใหญ่  หมอนัดให้พามาฉีดวัคซีนกระตุ้นอีกเดือนหน้า แต่ผมก็ได้ตัดสินใจตั้งแต่ตอนก้าวเท้าออกจากร้านแล้วว่า  คงมาที่นี่ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย

        หนึ่งเดือนผ่านไป ผมกับแฟนพาเจ้าปิงปองไปหาหมอตามนัดที่คลีนิคใหม่อีกแห่งหนึ่ง   คลีนิคนี้เลี้ยงหมาพูเดิ้ลอยู่ตัวหนึ่งไว้ทักทายกับคนไข้ที่เป็นหมาทั้งหลาย   รู้สึกพนักงานต้อนรับตัวนี้จะทำงานได้ผล  เจ้าปิงปองตื่นเต้นดีใจที่มีเพื่อนเล่นใหม่ในคลีนิค  มันยอมให้ฉีดวัคซีนกระตุ้นแต่โดยดี  แต่ดูท่าทางคุณหมอก็ไม่ใช่คนที่รักสุนัขสักเท่าไหร่   หมาพูเดิ้ลตัวนั้น  หมอแกก็ไม่ได้เลี้ยงเอง  มีคนอื่นดูแลให้  แล้วเอามาเป็นพนักงานต้อนรับเท่านั้น

        ผมคิดว่าในการสอบเข้าศึกษาในคณะสัตวแพทย์  น่าจะมีการสอบวัดระดับความรักสัตว์ด้วยก็ดีนะ จะได้หมอที่คุยภาษาหมารู้เรื่องบ้าง  ไม่ใช่ฉีดยาผ่าตัดเป็นอย่างเดียว  หมาเองก็มีชีวิตจิตใจเหมือนกัน  ถ้าไม่รู้จักผูกใจหมาไว้แล้ว เจ้าของหมาคงไม่อยากพามาอีก  คลีนิคคุณหมอจะร้างผู้มาใช้บริการ   เพราะหมอไม่รู้ว่าลูกค้าคือพระเจ้า  จะต้องมีการจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer Relationship Management) ให้ดีกว่านี้     จึงจะดึงลูกค้าให้อยู่เป็นขาประจำได้ตลอดไป  ถึงแม้หมอจะเก่งแค่ไหน ลูกค้าอาจไม่สนใจก็ได้ เพราะมีโรงพยายาลสัตว์อยู่มากมายทั้งของรัฐและเอกชน

  ตรงนี้เองที่ผมคิดว่าเป็นความแตกต่างระหว่างหมอหมากับหมอคน  หมอคนพูดน้อยหน่วย  คนไข้ก็ไม่ว่าอะไร เพราะอย่างไรเสีย คุณหมอก็ยังเป็นผู้มีพระคุณ  แต่ถ้าหมอหมาพูดน้อย หรือไม่พูดกับหมาบ้างเลย  จะให้เจ้าของหมามั่นใจไอย่างไรว่าคุณหมอมีความรู้ความเชี่ยวชาญในการดูแลรักษาหมาจริง   ต้องขอโทษหมอหมาทั้งหลายด้วย  แต่ผมคิดว่าเจ้าของหมาส่วนใหญ่จะคาดหวังความใจดีรักสัตว์กับคุณหมอค่อนข้างมาก    ถ้าคุณหมอสามารถเข้าไปยืนอยู่กลางหว่างใจของคนไข้ได้   รับรองได้เลยว่าคลีนิคคุณหมอไม่ร้างแน่

        แต่ก็ใช่ว่าผมจะพบพานแต่หมอหมาที่ไม่ช่างคุยหรอกนะครับ  หลังจากที่ผมตามหาเจ้าของเดิมของปิงปองไม่พบ  ทำให้ต้องนำมันกลับมาเลี้ยงอยู่ในบ้านท่านกลางความเป็นห่วงของหลายๆคนว่ามันจะกัดคนในบ้านหรือไม่  ผมเริ่มศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับสุนัขบางแก้วอย่างจริงจังทั้งจากหนังสือและข้อมูลต่างๆ บนเว็บไซต์ในอินเทอร์เน็ต

        ผมพบเว็บไซต์ตอบปัญหาสุนัขของคุณหมอท่านหนึ่ง  มีคำถามเกี่ยวกับสุนัขที่ผู้เลี้ยงโพสต์เข้ามาถามมากมายร่วมหมื่นคำถาม  แต่คุณหมอก็ขยันตอบทุกคำถามอย่างไม่รอช้าและไม่เบื่อหน่าย  แม้ว่าบางคำถามจะซ้ำๆหรือบางคำถามจะไม่มีสาระเลย   คุณหมอพยายามตอบ  บางครั้งก็ตอบห้วนไปจนสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ถามก็มีเหมือนกัน

        ผมลองสืบค้น( search ) ดูว่ามีคำถามเกี่ยวกับบางแก้วบ้างหรือไม่  ก็ปรากฏว่ามีอยู่มากมายเป็นร้อยคำถาม  ผมจึงนั่งอ่านไปทีละคำถาม   สิ่งที่ผมตั้งใจอยากจะถาม   ส่วนใหญ่จะมีคำตอบอยู่ในนั้นอยู่แล้ว  ไม่ต้องถามใหม่ให้เสียเวลา

        แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมค่อนข้างจะตกใจก็คือ  ในหลายๆคำถาม  คุณหมอจะตอบในลักษณะเดียวกันว่า  ไม่แนะนำให้เลี้ยงสุนัขบางแก้ว  บางตัวที่ดุ คุมไม่อยู่  คุณหมอจะแนะนำให้ฉีดยาให้สุนัขหลับตลอดไป

        ผมมีโอกาสพบคุณหมอท่านนี้โดยบังเอิญในงานบริจาคเงินช่วยเหลือโครงการดูแลสุนัขจรจัดที่คุณหมอรับผิดชอบอยู่    รู้สึกว่าคุณหมอจะเป็นกันเองดี  และมีความสุขกับการดูแลและรักษาสุนัข  ลองถามท่านว่าการดูแลรักษาสุนัขนี่มีความเครียดเหมือนการดูแลรักษาคนบ้างไหม  ท่านตอบว่า ก็มีเหมือนกัน แต่ไม่ได้เครียดกับสุนัขหรอก  เครียดกับคนเลี้ยงที่พาสุนัขมามากกว่า  คนเลี้ยงบางคนก็รักสุนัขราวกับลูกของตัวเอง

        ในจุดนี้  ผมเริ่มเห็นใจคุณหมอที่เป็นหมอหมามากขึ้น   ถ้าเจอคนเลี้ยงสุนัขที่จุกจิกจู้จี้เซ้าซี้ซักถามมากๆ   ก็คงทำให้คุณหมอปวดหัวจนเกิดอาการเครียดได้

        อย่างไรก็ตาม  ผมมีโอกาสถามปัญหาเกี่ยวกับสุนัขบางแก้วไปหลายข้อ   คุณหมอท่านนั้นก็ตอบด้วยอารมณ์ดี   ซึ่งพอจะสรุปได้ว่า ท่านไม่ได้ต่อต้านการเลี้ยงสุนัขบางแก้ว   เพียงแต่ท่านเห็นว่าควรมีการพัฒนาสายพันธุ์ให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ   ไม่ใช่เพาะพันธุ์ไว้ขายเพียงเพื่อหวัง

ผลประโยชน์เฉพาะหน้าอย่างที่ท่านเคยประสบพบมา   ซึ่งอาจทำให้ได้ลูกสุนัขบางแก้วที่มีจิตประสาทไม่มั่นคง   มีนิสัยก้าวร้าวและดุร้ายเกินไป

        คุยกับคุณหมอแล้ว   ก็ให้เป็นห่วงว่าเจ้าปิงปองจะมีนิสัยก้าวร้าวและดุร้ายหรือไม่   ตอนนี้ เจ้าปิงปองมันค้นเคยกับทุกคนในบ้านเป็นอย่างดี    รวมทั้งเจ้าโบ ซึ่งเป็นทั้งเพื่อนที่คอยเล่นวิ่งไล่จับกับมันทุกเย็น  เป็นทั้งแม่ที่คอยดูแลไซ้ขนหาเห็บให้   และเป็นทั้งพี่ที่คอยปรามเมื่อมันดื้อไม่เชื่อฟัง    มีอยู่หลายครั้งที่เจ้าปิงปองจะวิ่งตามผมเข้าไปในบ้าน   เจ้าโบจะคอยช่วยงับคอเจ้าปิงปองลากออกมานอกบ้าน   เพราะเจ้าโบทราบดีว่า ผมไม่อนุญาตให้เข้าไปในบ้าน

        สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะรู้จักคุณหมอที่ผมเอ่ยถึงข้างต้น  ลองไปดูที่เว็บไซต์ข้างล่างนี้ได้ครับ

http://www1.lemononline.com/pets/askvet/a.asp?type=1&q_id=16556

 

 

 

Next